ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแดดแรงและไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่มลพิษเต็มไปหมด หากไม่อยากเผชิญกับปัญหาผิวแห้งกร้าน ฝ้า กระ สิว ความหมองคล้ำ “ครีมกันแดด” จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะครีมกันแดดนั้นสามารถที่จะปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีที่เป็นตัวการทำลายผิวได้ มาดูกันว่า วิธีเลือกครีมกันแดด ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการปกป้องผิวในประเทศไทยนั้นควรเลือกอย่างไร?
รวมวิธีเลือกครีมกันแดดให้ปกป้องผิวจากแสงแดดได้
ครีมกันแดดเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีตัวเลือกให้เลือกใช้ได้หลากหลายรูปแบบ มีหลายเนื้อสัมผัส หลาย Texture ด้วยกัน นอกจากนี้ครีมกันแดดแต่ละตัวยังมีค่า SPF ไม่เท่ากัน และอาจมีค่า PA เพิ่มขึ้นมาอีก อาจทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย จึงไม่แปลกที่หลายคนมักจะมองข้ามหรือมักไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเท่าที่ควรจะเป็น
1.ดูค่า SPF 30 หรือมากกว่านั้น
วิธีเลือกครีมกันแดด ที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และหากจะให้การปกป้องผิวจากแสงแดดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า PA ด้วย โดยค่า SPF นั้น หมายถึงระยะเวลาที่จะทนต่อแสงแดดได้ ส่วนตัวเลขด้านหลังคือจำนวนเท่า ยกตัวอย่างเช่น การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ผิวจะสามารถทนต่อแสงแดดได้มากขึ้น 30 เท่า ส่วนค่า PA หมายถึงระดับการปกป้องผิวจากแสงแดด หากอยู่กลางแจ้งที่มีแดดจัดยิ่งต้องเลือกค่า PA ที่มีการบวกมากขึ้นตามความเหมาะสม
2.ปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุม
ปกป้องรังสี UVA, UVB และ UVC ได้ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มีความเหมาะสมกับกิจกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผิวต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการโดนทำร้าย ไม่ใช่เพียงแค่จากแสงแดด และมลพิษกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการปกป้องผิวจากแสงของหลอดไฟ แสงจากหน้าจอมือถือ และแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวันด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
3.ครีมกันแดดที่กันน้ำได้
ในวันที่แดดแรงหรืออากาศร้อนจัด อีกหนึ่งวิธีที่จะปกป้องผิวได้เป็นอย่างดี คือ วิธีเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำ รวมไปถึงเมื่อมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ที่อาจเสี่ยงต่อการที่ผลิตภัณฑ์จะหลุดออก เช่น การว่ายน้ำ เป็นต้น โดยครีมกันแดดชนิดนี้จะสามารถช่วยปกป้องผิวและกันน้ำได้นาน 40-80 นาที แต่เพื่อผลลัพธ์การปกป้องผิวที่ดีควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง
4.เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว
นอกจาก วิธีเลือกครีมกันแดด ที่เหมาะสมกับกิจกรรมหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว การเลือกครีมกันแดดจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพผิวแต่ละบุคคลเพื่อป้องกันการเสี่ยงอุดตัน สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวธรรมดาแนะนำเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อครีม ส่วนผู้ที่มีผิวมัน, ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย แนะนำเลือกครีมกันแดดเนื้อเจลหรือเนื้อน้ำนม แต่หากต้องการเติมในระหว่างวันกันแดดสเปรย์และกันแดดแท่งหรือสติ๊ก คือ สิ่งที่ควรพกติดกระเป๋า
วิธีใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง มีอะไรบ้าง
เมื่อเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว ขั้นตอนการทาครีมกันแดดเองก็มีความสำคัญ และมีผลต่อประสิทธิภาพของครีมกันแดดเช่นเดียวกัน โดยวิธีทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพการปกป้องผิวดีที่สุด สามารถทำได้ดังนี้
- ปริมาณของครีมกันแดดควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับใบหน้า และลำคอ คือ 1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้วมือ
- การทาครีมกันแดดควรที่จะทาก่อนการออกแดดอย่างน้อยเป็นเวลา 15 นาที เป็นขั้นต่ำ
- ในการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัด หรือการทำกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ และควรทาซ้ำในทุกๆ 2 ชั่วโมง
สรุปเรื่องการเลือกครีมกันแดด
วิธีเลือกครีมกันแดด จะช่วยในการปกป้องผิวที่อาจถูกทำร้ายจากแสงแดด และมลพิษ ให้ห่างไกลจากปัญหาผิว ฝ้า กระ ความหมองคล้ำ ความหย่อนคล้อย และการเกิดสิว โดยครีมกันแดดนั้นเปรียบเสมือนเกาะป้องกันให้แก่ผิวชั้นเยี่ยมที่ไม่ควรมองข้าม แต่สำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาผิวเหล่านี้อยู่ นอกเหนือไปจากการปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดแล้ว การบำรุงพิเศษด้วย HESTINA Skin Booster จะเข้าไปช่วยฟื้นฟู และเป็นเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงจากสร้างที่ช่วนเสริมสร้าง Skin Barrier ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างล้ำลึก และเห็นผลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น